12 มิถุนายน 2553

นักต่อสู้เพื่ออุดมการณ์

อ่านข่าวว่าวันที่ 11 มิย. ซึ่งเป็นวันเปิด FIFA World Cup, South Africa เป็นวันเดียวกับวันที่ Nelson Mandela กับเพื่อนอีก 9 คนถูกศาลตัดสินจำคุกในข้อหาก่อวินาศกรรมปี 1964 ก็นึกถึงนักต่อสู้คนอื่นๆ ที่ต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ ย้อนกลับไปสู่ คศ 1 เหล่าผู้นำคริสเตียนก็ถูกตั้งข้อหา ถูกจำคุก และถึงกับเสียชีวิตแต่ก็ยังไม่ทิ้งอุดมการณ์ และความเชื่อคริสเตียนก็ยืนหยัดมาถึงปัจจุบัน

กลับมาถึงศตวรรษที่ 19-20 เนลสัน แมนเดล่า ต่อสู้เพื่อสิทธิ์คนผิวสีท้องถิ่นอาฟริกาใต้ มหาตม คานธี ต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกันคือ โดนจำคุก แต่สุดท้ายสิ่งที่ทั้งคู่ต่อสู้ก็สำเร็จ

แม้ว่าอองซาน ซูจี ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยในพม่าจะยังไม่ได้ประสบผลนัก แต่ก็ทำให้ประชาคมโลกมามองพม่า

คำถามก็คือ การต่อสู้ของพี่น้องเสื้อแดงเป็นเช่นนั้นหรือเปล่า อุดมการณ์ที่แท้จริงสามารถสรุปเป็นประโยคเดียวได้เหมือนตัวอย่างข้างต้นหรือ ไม่ หรือเป็นเพียงแค่แสวงจุดร่วมสงวนจุดต่าง โดยอาศัยประโยคเรียกร้องประชาธิปไตยบังหน้า ถ้าเขาต่อสู้เพื่ออุดมการณ์จริงๆ ทำไมเราไม่เห็นการยอมเสียสละต่อสู้ในคุกจากแกนนำทั้งหลาย

08 มิถุนายน 2553

Hungarian Notation

วันนี้อ่านข่าวเจอเรื่องเศรษฐกิจฮังการี เลยพาลไปนึกถึงเรื่องหนึ่งเมื่อตอนเริ่มต้นกลับมาเขียนซอฟต์แวร์เมื่อสิบ กว่าปีก่อน เกี่ยวกับเรื่องวิธีการตั้งชื่อตัวแปร (Naming Convention)

ตอนที่ทำงานเป็น Account Manager ดูแลการขายกับ Broker ได้เข้าไปดูกระบวนการเขียนซอฟต์แวร์ซื้อขายหลักทรัพย์แล้วก็สะดุดใจกับการ ตั้งชื่อตัวแปร เช่น szStockCode ก็นึกอยู่ว่าทำไมต้องมี sz นำหน้า ถามโปรแกรมเมอร์ก็ตอบว่าทาง Chicago Stock Exchange เจ้าของโปรแกรมบังคับให้ใช้ sz คือ null-terminate string ก็จำมาเรื่อย

จนกระทั่งเริ่มกลับมาเขียนโปรแกรมเองด้วย Visual Basic ก็เริ่มมีปัญหาในการจำว่าตัวแปรตัวไหนเป็นแบบไหน ก็เลยเริ่มค้นใน Microsoft Developer Network Library (MSDN Library) ก็พบเรื่อง VB Naming Convention ซึ่งประยุกต์มาจาก Hungarian Notation ที่ใช้กันในภาษา C

ไม่ได้คิดจะลงเรื่องวิชาการแต่อย่างใดเพียงแค่ลำดับความคิดเชื่อมโยงเท่านั้น

22 พฤษภาคม 2553

ความเท่าเทียมกับประชาธิปไตย มันไม่เคยมาด้วยกัน

บทความนี้คัดลอกมาจาก Facebook ของรุ่นพี่วิศวฯจุฬาคนหนึ่ง โดยไม่ได้ตัดทอน เชิญอ่าน

ทำไมไม่มีใครแม้แต่จะพยายามบอกพวกเค้าว่า "ความเท่าเทียม" กับ "ประชาธิปไตย" มันไม่เคยมาด้วยกัน สังคมที่เท่าเทียมไม่มีรวยจน คือ "คอมมิวนิสต์" ซึ่งก็ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะมีชนชั้นปกครองที่อยู่สบายกว่าอยู่ดี (จีนยังต้องดิ้นรนให้มีสองระบบในประเทศเดียว หลังจาก 30-40 ปีผ่านไป) หากอยากได้ประชาธิปไตย ต้องมีรวยจน หลายชนชั้นแน่นอน เค้าจะได้รู้ซะบ้างว่าตกลงจะเอาอะไร อยากรวยขึ้น หรืออยากได้ประชาธิปไตย

หรืออยากเป็นคอมมิวนิสต์ เอาให้แน่ แต่ที่แน่ๆ ถ้าอยากเป็นประชาธิปไตย และมีความเป็นอยู่ดีขึ้นมีทางเดียว เรียนหนังสือเยอะๆ ขยันทำงาน เมื่อคุณใช้สมองทำงานได้ คุณจะได้เงินมากกว่าใช้แรงทำเยอะเลย เลิกหวังแต่ว่ารัฐจะมาช่วย รัฐไม่ได้หยิบเงินมาจากฟากฟ้า เงินมาจากพวกผมที่เสียภาษีครับ มาคอยช่วยพวกคุณที่ไม่เคยเสีย ภาษี แต่คอยจะขออย่างเดียว There is no free lunch never...แล้วคุณจะได้เป็นผู้เสียภาษีเพื่อไปช่วยคนที่บ้านคุณบ้าง ส่วนความเสียหายคราวนี้คงไม่ ใช่แค่เสียตึกเสียห้างไปหรอก แต่จะทำให้เราจนลงกันถ้วนหนน้า ทั้งประเทศ อธิบายไปคงไม่เข้าใจ คงไม่รู้จัก credit rating กันหรอกนะ

Jesd Jesdpiyawong

12 เมษายน 2553

พระคัมภีร์ภาษาไทยบน Android

ต้องขอบคุณ You Jin Lee ที่เขียนโปรแกรม WithBible บน Android แล้วใช้ฐานข้อมูลเป็น SQLite (http://withbible.keepvision.net/home) ผมเลยจัดการนำข้อมูลพระคัมภีร์ของสมาคมพระคริสตธรรมมาใส่

วิธีติดตั้ง

  1. ไปที่ Market แล้ว search หาคำว่า WithBible จากนั้น Install โปรแกรม
  2. Download พระคัมภีร์ภาษาไทยจาก http://dl.dropbox.com/u/9484366/tbs.db.zip แล้วแตกออก
  3. ฐานข้อมูลพระคัมภีร์จะเก็บที่ SD Card/withbible_version/bible ตรง version คือเลขเวอร์ชัน ให้ copy เอา tbs.db ทีได้ไปเก็บที่ Folder นี้
ลองใช้งานดูนะครับ

28 กุมภาพันธ์ 2553

รวบรวมคำพยานชีวิตของผมบน Twitter

ก่อนผมมาเชื่อพระเจ้าจัดว่าเป็นคนเคร่งศาสนาคนหนึ่ง ตั้งแต่เด็กชอบเข้าวัด ปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ และเป็นเด็กเรียนคนหนึ่ง ตั้งแต่ประถมถึงมัธยม ไม่เคยเรียนต่ำกว่าที่ 3 เลย ม 3 สอบได้ที่ 2 ของภาคการศึกษา 5 ได้ทุนจากในหลวง เข้าเตรียม แล้วสอบเทียบเข้าวิศวจุฬา

ระหว่างนั้นก็ยังเป็นคนเคร่งศาสนาจนกระทั่งสอบเข้าจุฬาได้ผมก็เริ่มเปลี่ยน ไป เที่ยวเธค เข้าผับ ตามประสาเด็กวิศวะ การเรียนก็ไม่ดี เพราะโดดเรียน จากเดิมที่รู้สึกว่า ฉันเป็นคนพิเศษ ดีกว่าคนอื่น ไม่กินเหล้าสูบบุหรี่เหมือนเพื่อนๆ กลายเป็นว่า กูเอามันหมดนั่นแหละ ปี 1 2 3 ก็ไม่คิดอะไร การเรียนที่ไม่ดีตอนปี1 ก็กระเตื้องขึ้นนะ เกรดดีขึ้น แต่ตอนปี 4 รู้สึกบางอย่างทำให้มานั่งทบทวนตัวเองว่า กูเป็นอะไรไปวะ เคยเป็นเด็กดีตอนนี้ไม่ เคยวางแผนชีวิตตั้งแต่ ป6 ว่าจะเป็นวิศวกรไฟฟ้าก็ได้เป็น แต่จะจบแล้วจะเอายังไงต่อดี

วันหนึ่งก็ไปนั่งที่มาบุญครอง สมัยที่ยังมีม้านั่งให้นั่ง แล้วก็พูดออกไปว่าถ้ามีใครบนฟ้าจะฉุดให้ออกจากชีวิตแบบนี้ได้ เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ได้ดีเด่อะไร อยากเป็นคนดีแต่ทำไม่ได้ ตอนนั้นปี4เทอมสุดท้าย

ช่วงนั้นก็แปลก มีคนมาพูดเรื่องพระเจ้าให้ฟังบ่อยๆ หลายคน ก็ตอบกลับไปว่าผมมีวิถีของผม และก็ไม่สนใจ จนกระทั่งวันที่ 9 ธค 1989 ต้องไปส่งเสื้อโหลให้แม่แถวนานา ขากลับนั่งรถเมล์มาต่อที่มาบุญครอง ที่ป้ายเจอเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินตามลงมาแล้วพูดว่าพระเจ้าเสียใจในสิ่งที่ผม ทำ แทนที่ผมจะต่อว่าเขากลับคิดว่าพระเจ้าเป็นใครทำไมต้องมาเสียใจในสิ่งที่ผมทำ แล้วก็นึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงที่ผ่านมาว่ามีคนมาพูดเรื่องพระเจ้า น้องคนนั้นตอนนั้นอยู่ม5 โรงเรียนเทพศิรินทร์ หลังจากนั้นก็ชวนผมไปโบสถ์แถวเพชรบุรีตัดใหม่ วันนั้นเป็นวันเสาร์ก็เลยตัดสินใจไปโบสถ์วันรุ่งขึ้น

ที่โบสถ์เจอเพื่อนวิศวะจุฬาแต่เป็นรุ่นพี่ที่เตรียมบอกว่าพระเจ้าทำบางอย่าง ในชีวิตเลิกเล่นการพนันได้ ซึ่งคนนี้สมัยอยู่เตรียมติดการพนันมาก เกือบถูกไล่ออกเพราะเล่นไพ่หลังห้อง ก็รู้สึกแปลกใจที่เลิกได้ พอเข้าไปฟังคำบรรยายในที่ประชุมมีตอนหนึ่งที่ผู้บรรยายพูดว่า "ใครที่คิดจะไปเที่ยวคอกเทลเล้าจ์ให้เลิกคิดซะ" แล้วก็หันมาทางผม ผมก็ประหลาดใจเพราะคืนก่อนหน้าหลังจากเจอน้องคนนั้นเพิ่งจะโทรนัดเพื่อนให้ พาไป
ผมเลยตัดสินใจอยากรู้จักพระเจ้า เมื่อผู้บรรยายถามว่าใครอยากรู้จักพระเจ้าให้เดินออกมาจะอธิษฐานเผื่อ ผมก็ลุกออกไป และอธิษฐานต้อนรับพระเยซู

หลังจากนั้นวันต่อๆมาก็เริ่มมีประสพการณ์กับพระเจ้าผ่านการอธิษฐาน ชีวิตก็เริ่มถูกเปลี่ยนไป เริ่มศึกษาพระคัมภีร์และก็รู้ว่าจะอยู่เพื่ออะไร

26 มกราคม 2553

พระเจ้าคงอยากให้เราอ่านหนังสือเล่มนี้มากเลย

วันนี้เลิกจากสัมมนาเย็นมาก ไปที่ร้าน SKS Bookstore ที่ตึก Tan Boon Liat ไม่ทันแน่เลยตัดสินใจหาซื้อหนังสือ How to Read Bible for All it Worth ของ Stuart & Fee แถว Orchard เพราะต้องใช้หนังสือเล่มนี้ประกอบการเรียน และไม่อยากกอปปี้จากคนอื่น แต่ไม่รู้ร้านหนังสือคริสเตียนอยู่ตรงไหน เลยหาร้านหนังสือทั่วไป ไปเจอร้านหนึ่งใกล้ทางลง MRT ชื่อร้าน Borders ที่อาคาร Wheelock มี Section หนังสือศาสนาด้วย หายังไงก็หาไม่เจอ เลยถามพระเจ้าว่าร้านนี้จะมีเหรอ พระองค์ตรัสว่ามีสิ เราก็ตาลาย ตัดสินใจไปถามพนักงาน เพราะจำชื่อหนังสือก็ไม่ได้ จำชื่อผู้แต่งได้แค่คนเดียวคือ Gordon Fee กับจำรูปปกเลยถามว่าหาจากคนแต่งได้ไหม เขาก็หาให้ ขึ้นชื่อหนังสือมาก็ไม่แน่ใจ พนักงานก็เลยพาไปหยิบ โป้ะเช้ะเลย เหลือเล่มเดียวอีกต่างหาก ขอบคุณพระเจ้า